วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล

ตอนที่ 3 : ขั้นพลังอเวจี


จักรรพรรดินีนั่งอยู่ในตำหนักด้านล่างแท่นบูชา บนศรีษะสวมมงกุฏสีทอง ใส่ชุดคลุมโอ่อ่า อายุประมาณยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า ดูสวยและสง่า ไม่แก่เหมือนอย่างกับที่จางลั่วเฉินคิด กลับให้ความรู้สึกที่ดูสูงส่งอย่างบอกไม่ถูก


นางกล่าวขึ้น


“องค์ชายใหญ่ฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่ห้องปิดตาย งานพิธีกรรมครั้งนี้จัดเพื่อรำลึกถึงราชาผู้ยิ่งใหญ่ ท่านอํามาตย์ท่านรู้ระดับบันทึกสวรรค์ขององค์ชายเก้าหรือยัง ? "


อํามาตย์ ของราชาหยุนอูจุ้น ภายในมือมีคำภีร์อยู่เล่มหนึ่ง เขาส่ายหัวพลางกล่าว


“หนังสือเล่มสมบูรณ์ของบันทึกดาราสวรรค์ยุทธ์ ด้านในรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ผ่านมาของสัญลักษณ์สวรรค์ยุทธ์เอาไว้ จากระดับหนึ่งถึงเก้าได้ถูกบันทึกไว้หมด ทว่าขององค์ชายเก้ากลับไม่มีอยู่ในบันทึก"


ราชินีมองไปที่จางลั่วเฉินแว่บหนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมา


“ที่ทดสอบออกมาไม่มีผล น่าจะเป็นบันทึกสวรรค์ยุทธ์ที่ไม่มีระดับ ในมลฑลจุ้น ก็มีจอมยุทธ์ที่ไม่รู้ถึงระดับของสัญลักษณ์อยู่เช่นกัน ดูท่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่มีจำกัด"


องค์ชายแปดที่อยู่ในตำหนัก รีบกล่าวขึ้นมาว่า


“ที่ท่านราชินีพูดนั้นก็ไม่ผิด น้องชายเก้าอายุสิบหกแล้ว ผ่านช่วงอายุที่เหมาะสมไป แม้ว่าจะเป็นระดับสี่หรือระดับห้า ก็คงไม่มีความหมายอะไร"


ราชินีพยักหน้า ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับที่องค์ชายแปดพลางกล่าว


 
“บันทึกสวรรค์ยุทธ์ขององค์ชายเก้านั้นไม่มีระดับ อีกทั้ง อายุก็สิบหกปีแล้ว เพื่อที่ประหยัดทรัพยากรการฝึกฝนของราชวงค์หมิง ให้ที่ล้างไขกระดูกเหลวแก่องค์ชายเก้าหนึ่งชุดก็แล้วกัน!"


สีหน้าของหลินเฟยเปลี่ยนสีพลางกล่าว


“ท่านราชินี การเปิดบันทึกสวรรค์ยุทธ์ของปีแรกนั้นสำคัญที่สุด เมื่อครั้งที่องค์ชายแปดเปิดบันทึกนั้น ได้ที่ล้างไขกระดูกเหลวเป็นจำนวนสิบสองชุด ทุกเดือนล้างกระดูกหนึ่งครั้ง ทำไมเขาถึงได้เพียงแค่ชุดเดียวเล่า ? "


ราชินีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า


“ตอนที่องค์ชายเจ็ดอายุได้สามปี ก็สามารถเปิดบันทึกระดับเจ็ดได้ องค์ชายเก้ามีอะไรเปรียบกับองค์ชายเจ็ดได้บ้าง?"


องค์ชายแปดขมวดคิ้วพลางกล่าว


“พี่เจ็ด เป็นลูกชายของราชินี เขาต้องได้รับสายเลือดที่แข็งแกร่ง บันทึกสวรรค์ยุทธ์ระดับเจ็ดนั้น ทั้งมลฑลจุ้น มีใครที่เทียบได้กับพี่เจ็ดบ้าง ? ในอนาคตมลฑลจุ้นจะต้องเจริญรุ่งเรือง และแข็งแกร่ง ทั้งหมดอยู่ที่พี่เจ็ดคนเดียวเท่านั้น"


เขาพูดต่ออีกว่า


“ราชาคนก่อนเคยพูดคำที่ไม่น่าฟังออกมาว่า นิ้วหนึ่งนิ้วของพี่เจ็ดยังมีค่ามากกว่าชีวิตของน้องเก้า สิบเท่า ร้อยเท่า เดิมทีไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้ซ้ำ"


หลินเฟยกัดริมฝีปาก นางยังคงพูดต่อเพื่อจางลั่วเฉินว่า


“แต่ว่าตอนที่องค์ชายแปดได้บันทึกมา ก็ได้ชุดล้างไขกระดูกเหลวสี่ชุดนะ"


ราชินีกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมภ์นักว่า


“พรสวรรค์ยิ่งสูง ทรัพยากรที่ได้ก็จะมาก องค์ชายเก้าพรสวรรค์ต่ำ ทรัพยากรที่ได้ก็ต่ำตามไปด้วย"


“แต่ว่า..."


ราชินีรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมากก่อนจะกล่าวออกมาว่า


“ข้าได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว หลินเฟย หากเจ้ายังกล้าพูดอะไรอีก เจ้าอยากจะให้ข้าลงโทษเฆี่ยนตีเจ้าอีกครั้งอย่างงั้นรึ ? "


“อีกครั้ง....”


จางลั่วเฉินเมื่อได้ยินราชินีพูดออกมาดังนั้น เขาเงยหน้ามองขึ้นมาทันที


หรือว่าราชินีเคยเฆี่ยนตีท่านแม่มาก่อน?


หลินเฟยเมื่อได้ยินราชินีกล่าว ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน ย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้น ก่อนจะรีบปิดปากทันที


ในขณะนั้น มีคนนำชุดล้างไขกระดูกเหลวมาให้จางลั่วเฉิน


เมื่อจางลั่วเฉินได้รับชุดล้างไขกระดูกเหลวมา เขาเดินไปด้านข้างของหลินเฟย ก่อนจะหันตัวกลับไปมองราชินีนั่งอยู่บนยอด พลางกล่าว


“ท่านแม่ พวกเราไปเถอะ!"


“อื้ม!”


หลินเฟยเม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า


ราชินีมองเงาด้านหลังของทั้งสองที่เดินออกไปพลางกล่าว


“สามเดือนหลังจากนี้จะมีการประเมินของราชวงค์หวัง องค์ชายเก้าจะต้องขยันฝึกฝนแน่ ภายในสามเดือนจะต้องสำเร็จ”


การล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดง"เพื่อให้กลายเป็นจอมยุทธ์ ถึงตอนนั้น ราชาผู้ยิ่งใหญ่จะออกมา หวังว่าเจ้าจะสามารถทำให้เขาแปลกใจได้ "


ได้ยินดังนั้น องค์ชายแปดพูดดูถูกก่อนจะหัวเราะออกมา


   
“ถึงจะมีชุดล้างไขกระดูกเหลวสามชุด ก็ไม่สามารถใช้เวลาสามเดือนในการล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดงได้ ข้าใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะทำได้ ดูจากคุณสมบัติของน้องเก้า ข้าว่าคงจะใช้เวลาสักหนึ่งปีขึ้นไปถึงจะมีโอกาส ฮ่าฮ่า!"


จางลั่วเฉินไม่ได้หันกลับไป กำหมัดแน่น ความคิดอัดแน่นอยุ่ในใจ


   
“พวกท่านรอดูได้เลย ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง!"


เมื่อกลับมาถึงตำหนักม่วง จางลั่วเฉินไม่รอช้ารีบปิดประตู และทำการฝึกฝนทันที


ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์สวรรค์ยุทธ์อะไร แต่ว่า ในตอนนี้ก็มีสัญลักษณ์สวรรค์ยุทแล้ว จะต้องฝึกฝนพลังโทสะออกมาได้แน่


ก่อนอื่น ขั้นแรก จะต้องเปิดบ่อพลังภายใต้สัญลักษณ์สวรรค์ยุทธ์เสียก่อน


ที่เรียกว่าบ่อพลัง เพราะนั่นก็คือบ่อน้ำที่ใช้สำหรับเก็บพลังโทสะ


ยิ่งบ่อพลังใหญ่เท่าไหร่ ก็จะสามารถเก็บพลังโทสะได้มากเท่านั้น ซึ่งการฝึกฝนสามารถทำให้บ่อพลังใหญ่ขึ้นได้


โดยปกติ การเปิดบ่อพลัง จะต้องดำเนินการภายใต้คำแนะนำของผู้อาวุโส


แต่กับจางเฉินลั่วที่มีประสบการณ์ในการฝึกฝนมานาน การเปิดบ่อพลังไม่ได้ยาก อย่างน้อย ๆ ก็ใช้เวลาสักครึ่งชั่วยามก็สามารถเปิดบ่อพลังได้แล้ว


หากเป็นผู้ฝึกใหม่ อย่างน้อยจะต้องใช้เวลาหลายวันในการทดสอบ ถึงจะสามารถทำให้บ่อพลังเปิดขึ้นได้


แต่จางลั่วเฉินใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม


“ร่างนี้อ่อนแอเกินไป ขนาดของบ่อพลังน่าจะเท่าไข่ไก่ ซึ่งใช้เก็บพลังโทสะได้น้อยเกินไป ! "


เปิดบ่อพลังยังไม่เพียงพอ


บ่อพลังเป็นที่ใช้เก็บพลังโทสะ


พลังโทสะจะขับเคลื่อนทั่วทั้งร่าง จำเป็นต้องเปิดเส้นพลังเพื่อการฝึกฝน


มีเพียงต้องสำเร็จขั้นตอนนี้เท่านั้น ถึงจะมีพลังโทสะ และกลายเป็นจอมยุทธ์


และขั้นที่สองจำต้องล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดง


จางลั่วเฉินหยิบขวดหยกขวดเล็กที่บรรจุน้ำล้างไขกระดูกเหลวออกมา ใช้จมูกดมกลิ่นสักครู่ เมื่อรู้ว่าเป็นของจริง จึงดื่มน้ำล้างไขกระดูกเหลวลงไปจนหมดขวด


เมื่อน้ำล้างไขกระดูกเหลวเข้าไปเกิดความเย็นขึ้นภายในร่าง เวลาผ่านไปซักพัก ความเย็นก็หายไปจนหมด มีอุณภูมิที่ร้อนจัดเข้ามาแทน


เหมือนกับมีเปลวเพลิงแผดเผาอยู่ภายในร่างของเขา !


เปลวเพลิงแต่ละเส้น ไหลเวียนไปทั่วเส้นเลือดแดงในร่างของเขา ก่อนที่มันจะหลอมรวมเข้ากับเส้นเลือดแดง


แต่ในตอนนี้!


"เก้าวิถีจักรพรรดิหมิง ขั้นที่หนึ่ง จักพรรดินีอเวจีมหานรก"


การฝึกฝนวิถีนี้ไม่เหมือนกับวิถีอื่น การเปิดทางของเส้นพลังก็ไม่เหมือนกัน


ยิ่งเป็นวิถีที่ลึกมากเท่าไหร่ ทางของเส้นพลังก็จะยิ่งเยอะมากเท่านั้น ทั้งซับซ้อน และน่าแปลกใจ


เส้นพลังของเก้าวิถีจักรพรรดิหมิง มีทั้งหมดสามสิบหกเส้น


และแน่นอน จางเฉินลั่วไม่ได้ต้องการให้เปิดเส้นพลังทั้งหมด เปิดเพียงแค่หนึ่งเส้น ก็เท่ากับสำเร็จในการล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดง


“พวกเขาบอกว่าข้าไม่สามารถสำเร็จการล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดงได้ในสามเดือน แต่ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเอง คืนนี้ข้าจะสำเร็จการล้างไจกระดูกเส้นเลือดแดง และกลายเป็นจอมยุทธ์ให้ได้!”


จางลั่วเฉินใช้ประสบการณ์ของชีวิตก่อน แค่ใช้เส้นพลังโทสะเพียงเส้นเดียว ใช้แรงทั้งหมดอัดเข้าใส่เส้นเลือดแดง ไม่นานนัก เส้นพลังเส้นแรกก็ขยายใหญ่ขึ้นมาครึ่งหนึ่ง


ความเจ็บปวดที่ออกมาจากภายในร่าง เหมือนกับเส้นพลังถูกตัดขาด ทำให้ทั่วร่างของจางลั่วเฉินสั่นสะท้านขณะหนึ่ง


หากเป็นคนอื่นที่มาทำแบบนี้จะไม่มีวันสำเร็จ


แต่ จางลั่วเฉิ่นกลับกัดฟันแน่น ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งไม่ย่อท้อ ไม่หยุดที่จะทำต่อไป เขาอดทนกับความเจ็บปวดยิ่ง


“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น..."


ความหวังอยู่ข้างหน้า จะต้องสำเร็จ!


จะต้องสำเร็จให้ได้!


จาวลั่วเฉินระเบิดพลังออกมา เส้นพลังโทสะจำนวนไม่น้อยพุ่งออกไป


“ตูมม"


เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นภายในร่าง จนทำให้แก้วหูสั่นสะเทือน ซึ่งมันเกือบทำให้เขาเป็นลมล้มลงไป


เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดค่อยๆหายไป มีความรู้สึกเย็นๆของเส้นพลังที่ไหลเวียนอยู่ อาการปวดหัวพลันหายสนิท ความรู้สึกสบายไหลเวียนไปทั่วร่าง


“ฮ่าฮ่า ! สำเร็จแล้ว ! สำเร็จการล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดง ได้กลายเป็นจอมยุทธ์จริง ๆ แล้ว ! "


องค์ชายแปดใช้เวลาในการสำเร็จขั้นตอนแรก ใช้น้ำล้างไขกระดูกสี่ชุด และใช้เวลาอีกครึ่งปี


แต่จางลั่วเฉินนั้นใช้เวลาเพียงหนึ่งคืน และดื่มนำ้ล้างไขกระดูกเหลวแค่หนึ่งชุดเท่านั้น


เมื่อสำเร็จการล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดง ก็จะเข้าสู่ขั้นพลังอเวจีในขั้นแรก


การฝึกของวิถีแห่งยุทธ์แบ่งเป็นขั้น "อเวจี,ลึกลับ,ปฐพี,สวรรค์” สี่ดินแดนใหญ่ นั่นคือ ขั้นพลังอเวจี , ขั้นพลังลึกลับ ,ขั้นพลังปฐพี , ขั้นพลังสวรรค์


ในทุกๆขั้นพลังใหญ่แบ่งเป็นเจ็ดขั้นพลังเล็ก คือ : ขั้นแรก ขั้นกลาง , ขั้นสุดท้าย , ระดับต่ำ , ระดับกลาง , ระดับสูง, ระดับสูงสุด


  
ขั้นพลังของเขาในตอนนี้คือ ขั้นพลังอเวจีขั้นแรก


ขั้นพลังอเวจี”ขั้นแรก” “ขั้นกลาง” “ขั้นสุดท้าย” จำเป็นต้องเปิดเส้นเลือดแดง และ บ่อพลังโทสะ ทำให้พลังกายในร่างยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อขั้นพลังเล็กเพิ่มขึ้น พลังก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


องค์ชายแปดคือขั้นพลังอเวจีขั้นสุดท้าย ฝ่ามือหนึ่งของเขานั้นจึงมีแรงผลักก้อนหินสามร้อยชั่ง ให้ไกลออกไปสิบฟุตได้ กำลังหมัดหนึ่งหมัดของเขาเท่ากับพลังของวัวคลั่งหนึ่งตัว


จอมยุทธ์ที่อยู่ในขั้นพลังอเวจีขั้นสุดท้าย ส่วนมากสามารถฝึก"พลังของวัว"ออกมาได้


ขั้นต่อไปจากขั้นสุดท้าย ก็จะคือ ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง ระดับสูงสุด สี่ขั้นพลัง


เมื่อทะลวงขั้นพลังอเวจีขั้นสุดท้าย ก็จะกลายเป็น ขั้นอเวจีระดับต่ำ ซึ่งจะมีแรงเท่ากับ"วัวสี่ตัว”หรือพลังที่เพิ่มขึ้นสี่เท่า


ดังนั้น จอมยุทธ์ที่มีขั้นพลังระดับต่ำกับจอมยุทธ์ที่มีขั้นพลังขั้นสุดท้าย จะเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็กน้อย คนหนึ่งปล่อยออกมาสิบหมัด ก็ไม่สะทกสะท้านอะไร


ขึ้นไปอีกในขั้นระดับกลาง ระดับสูง ระดับสูงสุด น่ากลัวมากขึ้นไปอีก เป็นพลังที่คนธรรมดาไม่อาจจะจินตนาการได้


ในขั้นพลังระดับนั้นห่างไกลจากจางลั่วเฉินมาก ในตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก กุญแจสำคัญของการฝึกฝนก็คือการฝึกต่อไปเรื่อย ๆ ถึงจะไปได้ไกล


องค์ชายแปดฝึกฝนมาแปดปี กลับอยู่ที่ขั้นพลังอเวจีขั้นสุดท้าย นับว่ามีพรสวรรค์ธรรมดา


“องค์ชายแปดใช้เวลาครึ่งปีในการสำเร็จการล้างไขกระดูกเส้นเลือดแดง แต่ข้าใช้เวลาแค่หนึ่งคืน"


“องค์ชายแปดใช้เวลาแปดปี ฝึกฝนถึงขั้นพลังอเวจีขั้นสุดท้าย ข้าจะต้องใจเวลาสามเดือนในการไปถึงเป้าหมายนั้น หากเทียบกับคนอื่นคงไม่มีโอกาสที่จะทำมันได้”


หลังจากนี้สามเดือน จะเป็นวันประเมินพลังของราชวงค์หมิง จอมยุทธ์หนุ่มทั้งหมดของราชวงค์รวมถึง องค์ชาย องค์หญิง ขุนนาง คนหลวง ทั้งหมดจะมาเข้าร่วมการประเมินนี้ เพื่อดูผลลัมธ์ของการฝึกฝนหนึ่งปี


ในราชวงค์หวัง หากต้องการมีตำแหน่งมีหน้ามีตา ให้ผู้อื่นเคารพ ต้องการทรัพยากรในการฝึก จะต้องแสดงพลังของตนออกมา


สามเดือน!


ภายในสามเดือนนี้ จะต้องฝึกฝนให้ถึงขั้นพลังอเวจีขั้นสุดท้าย ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อท่านแม่ที่รักและเป็นห่วง ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของนาง