ตอนที่ 5 มังกรคชสาร
แววตาของจางลั่วเฉินแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและความคิดที่มันคง พร้อมกล่าวว่า“ท่านแม่ วางใจได้! ข้าจะขยันฝึกฝนจนเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่ง แล้วใช้กำลังที่ข้ามีปกป้องท่านแม่”
จางลั่วเฉินหยิบเสวี่ยตัน กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง แล้วฝึกฝนต่อไป
“พระสนม จอมยุทธ์ไม่เพียงแต่ต้องกินเสวี่ยตันเท่านั้น ซ้ำยังต้องมีคัมภัร์ฝึกฝนพลังอีกด้วย องค์ชายจำเป็นต้องมีคัมภีร์ฝึกฝนพลัง ถึงจะสามารถทะลวงจุดชีพจรได้”อวินเอ๋อร์ สาวใช้กล่าว
สนมหลินมองตามหลังจางลั่วเฉิน เม้มริมฝีปาก พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย แล้วกล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว! แต่ว่า ถึงจะเป็นแค่คัมภีร์ฝึกฝนที่ระดับต่ำที่สุด ก็ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 500 เหรียญเงิน จากกำลังเงินของข้าในตอนนี้ ยังไงก็ซื้อไม่ไหว นอกจากนี้ตอนนี้ฮองเฮาและราชครูเป็นผู้กุมอำนาจและจัดการเรื่องต่างๆ ยังไงฮองเฮาก็ไม่ให้ลูกเฉินไปหยิบคัมภีร์ฝึกฝนพลังกับเพลงยุทธ์ที่หอคัมภีร์หรอก ดูแล้วคงเหลือแค่วิธีเดียวแล้ว ”
อวินเอ๋อร์สาวใช้กล่าวต่อว่า “พระสนมจะไปขอร้องคนตระกูลหลินหรือเพคะ แต่ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว พระสนมกับตระกูลหลินแตกหักกันไปแล้ว พวกเข้าจะยอมให้คัมภีร์ฝึกฝนกับองค์ชายเก้าหรือเพคะ”
“ขอเพียงพวกเขายอมให้คัมภีร์ฝึกฝนกับลูกเฉิน ต่อให้ต้องคุกเข่าลงแล้วยอมรับผิด ข้าก็ยอมทำ ”สนมหลินคล้ายกับจะคิดถึงเรื่องในอดีต จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“แต่ว่าตอนนั้น จริงๆแล้วไม่ใช่ความผิดของพระสนม…..”อวินเอ๋อร์พึมพำออกมา
มิติในหินผลึกมิติ เต็มไปด้วยหลิงชี่ มีความเข้มข้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับภายนอก
ในประเทศอวินอู่จวินนั้น ตามภูเขาแม่น้ำที่มีหลิงชี่เข้มข้นถึง 1.5 เท่า ก็กลายเป็นสถานที่ล้ำค่าในการฝึกฝน และเป็นสถานที่แย่งชิงกันของตระกูลใหญ่ทั้งหลาย
จางลั่วเฉินนั่งอยู่ตรงกลางภายในมิติ แล้วหยิบเอาขวดหยกที่บรรจุเสวี่ยตัน 10 เม็ดไว้ออกมา เขาเทเสวี่ยตันออกมา 1 เม็ด แล้วลองดมกลิ่นดู
“เสวี่ยตัน”ถึงจะสร้างมาจากเลือดสัตว์ แต่กลับไม่มีกลิ่นเลือด มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ตอนที่นักปรุงยาทำเสวี่ยตัน เขาได้นำเอากลิ่นเลือดออกไป แล้วเพิ่มหญ้าหู่หลัวกับดอกม่านถัวเข้าไป
คนที่กินเสวี่ยตันนานเข้า ไม่เพียงแค่ช่วยให้จอมยุทธ์มีพละกำลังเพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยปรับชีพจรของจอมยุทธ์ รวมทั้งกระดูก และอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของจอมยุทธ์อีกด้วย ทำให้ร่างกายของจอมยุทธ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“แค่เสวี่ยตันระดับหนึ่ง”จางลั่วเฉินพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดกับตัวเองว่า “จากระดับการฝึกของข้าในตอนนี้ แค่เสวี่ยตันระดับหนึ่งก็เพียงพอแล้ว”
จางลั่วเฉินเอาเสวี่ยตันใส่เข้าไปในปาก 1 เม็ด แล้วรีบปิดขวดหยกทันที พร้อมนำไปวางไว้บนแท่นหิน
จากการกระตุ้นของลมปราณ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเปิดและหลอมรวม พลังเลือดในเสวี่ยตันได้ ทำให้จางลั่วเฉินมีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก
“ถึงแม้ข้าจะอยู่ขั้นอเวจีระดับต้น และได้กลายเป็นจอมยุทธ์แล้ว แต่ว่าร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป ยังเอาไปเทียบกับจอมยุทธ์คนอื่นไม่ได้ จำเป็นต้องรีบฝึกฝนร่างกายตัวเองให้แข็งแรงขึ้นมา ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดการต่อสู้กับจอมยุทธ์คนอื่นที่อยู่ระดับเดียวกับขึ้นมา ข้าจะต้องเสียเปรียบอย่างมาก ”
สำหรับจอมยุทธ์แล้ว ไม่เพียงแต่ต้องฝึกฝนลมปราณเท่านั้น ยังต้องฝึกฝนเพลงยุทธอีกด้วย
“ฝ่ามือมังกรคชสาร”
ในหัวของจางลั่วเฉินปรากฏภาพกระบวนท่าฝ่ามือชุดนี้ออกมา ซึ่งคัมภีร์เพลงยุทธ์ในความทรงจำของเขา ฝ่ามือชุดนี้ถูกจัดอยู่ในสามอันดับแรก เหมาะกับเขาตอนนี้ในการฝึกฝน
เขาแยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วก้มเอวต่ำลง แล้วนำลมปราณในร่างกายไปไว้ที่ขาทั้งสองข้าง เพื่อให้ร่างกายมั่นคง พร้อมค่อย ๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น แล้วทำตามกฎที่เห็น พร้อมขยับแขนทั้งสองข้าง
ในหัวของเขา เหมือนกับตัวเองเป็นคชสารสวรรค์ที่มีพละกำลังไม่หมดสิ้น กลืนเมฆคายหมอกได้เหมือนกับมังกรปีศาจ คล้ายกับจะเอาพละกำลังทั้งหมดโจมตีออกมา
ทุกฝ่ามือที่ออกไป ต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ลมปราณภายในเองก็หลอมรวมเข้ากับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเกิดการเปลี่ยนแปลง หลอมรวมเข้ากับลมปราณ มีแรงเพิ่มมากขึ้น แข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น
ฝ่ามือมังกรคชสาร มีทั้งหมด 13 กระบวนท่า เป็นกระบวนท่าเพลงยุทธ์ระดับต่ำของชั้นราชา
พูดอย่างชัดเจอก็คือ ถ้าหากสามารถฝึกฝ่ามือมังกรคชสารได้ถึงกระบวนท่าที่ 13 ก็จะมีระดับพอพอกันกับเพลงยุทธ์ขั้นเทพ
กระบวนท่าและเพลงยุทธ์จะสามารถแบ่งเป็น 5 ระดับ คือ ปุถุชน วิญญาณ ปีศาจ ราชา เทพ
ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 1 “คชสารสะท้านปฐพี”ถ้าฝึกสำเร็จ อานุภาพจะเท่ากับเพลงยุทธระดับต่ำขั้นปุถุชน
ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 2 “มังกรเหินนภา”ถ้าฝึกสำเร็จ อานุภาพจะเท่ากับเพลงยุทธ์ระดับกลางขั้นปุถุชน
ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 3 “มังกรคชสารคืนถิ่น”ถ้าฝึกสำร็จ อานุภาพจะเทียบเท่ากับเพลงยุทธระดับสูงสุดขั้นปุถุชน
ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 4 “เงาคชสารร่างมังกร”ถ้าฝึกสำเร็จ อานุภาพจะเทียบเท่ากับเพลงยุทธระดับต่ำขั้นวิญญาณ
ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 13 มีชื่อว่า“มังกรคชสารทลายพิภพ”ถ้าฝึกสำเร็จ อานุภาพจะเทียบเท่ากับเพลงยุทธ์ขั้นเทพ เมื่อฝึกฝนสำเร็จอนุภาพที่ใช้ออกมานั้นยากที่จะจินตนาการได้
ฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าก่อนหน้านี้ นับได้ว่าเป็นเพลงยุทธ์ระดับต่ำ อานุภาพไม่นับว่าแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ฝ่ามือมังกรคชสาร นับตั้งแต่กระบวนท่าที่ 7 ฝึกฝนได้ยากยิ่ง คนที่สามารถฝึกฝนได้ถึงกระบวนท่าที่ 7 นั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก
และถ้าเมื่อผ่านกระบวนท่าที่ 7 ทุก ๆ กระบวนท่าต้องสิ้นเปลืองเวลาและกำลังอย่างมาก ถ้าหากพละกำลังที่จะฝึกฝนไม่พอ รับไม่ไหวในการฝึกฝนขั้นที่ 7 อาจจะทำให้ร่างกายถูกเผาจนมอดไหม้
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงทำให้ฝ่ามือมังกรคชสารเป็นได้เพียงแค่เพลงยุทธระดับต่ำขั้นราชา
ถึงแม้ฝ่ามือมังกรคชสารจะฝึกฝนได้ลำบาก แต่ว่ากลับเหมาะสมพอดีกับการฝึกฝนของจางลั่วเฉิน ที่สามารถใช้ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ในการที่ฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นมาได้
“กระบวนท่าที่ 1 ของฝ่ามือมังกรคชสาร คชสารสะท้านปฐพี”
จางลั่วเฉินเริ่มด้วยท่าเท้าอาชา จากนั้นก็เพิ่มระดับความเร็วขึ้น พุ่งออกไปอย่างรุนแรง พร้อมออกฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
นิ่งเหมือนภูเขา ขยับเหมือนช้างที่บ้าคลั่ง
เขาฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลมปราณในร่างกายหมด ถึงได้เช็ดเหงื่อ แล้วนั่งลงบนพื้น ใช้ผนึกอักษรสวรรค์ระหว่างคิ้วซึมซับหลิงชี่ในอากาศภายในหินผลึกมิติ แล้วเปลี่ยนให้เป็นพลังลมปราณ
ในมิติของหินผลึกมิตินี้ เขาฝึกฝนติดต่อกันถึง 9 วัน ในที่สุดก็สามารถฝึกฝนฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 1 “คชสารสะท้านปฐพี”ได้สำเร็จ
ภายในมิติ 9 วันนั้นยาวนาน แต่ภายนอกกลับผ่านไปเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น !
“ยังไม่รู้ว่าจากการฝึกฝนของข้าในตอนนี้ หากแสดงฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 1 ไม่รู้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ? ”
จางลั่วเฉินออกมาจากหินผนึกมิติ มาถึงหลังจวน แล้วยืนตรงกลางของลาน โคจรลมปราณในร่างกาย รวบรวมไปไว้ที่ขาทั้งสองข้าง
“คชสารสะท้านปฐพี”
เขาเหยียบไปตามกฎของท่าเท้า แล้วพุ่งออกไป
ตามจังหวะท่าเท้า พละกำลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่ง พุ่งขึ้นมาจากขาทั้งสองข้าง ผ่านเอว หลัง จนมาถึงบ่าทั้งสองข้าง แล้วพุ่งออกไปจากทางแขนทั้งสองข้าง
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ฝ่ามือกระบวนท่าเดียว แต่กลับใช้กำลังกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย และยังระเบิดพลังออกมาได้อย่างน่าตกใจยิ่ง
“โครม!”
ฝ่ามือทั้งสองข้างโจมตีไปที่ด้านบนของหินใหญ่หนัก 1000 ชั่งขนาดเท่าครึ่งตัวคน จากนั้นเขารีบเก็บแขนเข้ามา เหยียบไปบนรอยเท้าเดิม แล้วรีบกลับมาที่เดิมอย่างรวดเร็ว
จางลั่วเฉินมองไปที่ก้อนหินใหญ่ก้อนนั้น เห็นเพียงแค่บนก้อนหินนั้นมีรอยฝ่ามือนูนจางปรากฏขึ้นมา ด้านล่างของก้อนหิน จมลงไปในดินประมาณ 2 เซนติเมตร
สำหรับอานุภาพของฝ่ามือนี้ จางลั่วเฉินพอใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าฝ่ามือมังกรคชสารในตอนนี้จะเป็นเพียงแค่เพลงยุทธ์ระดับต่ำขั้นปุถุชนแต่กลับมีระดับสูงกว่าเมื่อเทียบได้กับเพลงยุทธ์ระดับต่ำขั้นปุถุชนของคนอื่น พลังที่ระเบิดออกมาก็แข็งแกร่งมากกว่า
“เพลงยุทธ์ยิ่งมีขั้นสูง การฝึกฝนนั้นก็ยิ่งยาก ถ้าหากว่าตอนนี้ข้าไปฝึกเพลงยุทธ์ขั้นวิญญาณเลย ยังไงก็ไม่สามารถฝึกสำเร็จได้ในระยะเวลา 9 วัน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีขึ้นไป นอกจากนี้ จากปริมาณลมปราณของข้าในตอนนี้ ก็ไม่สามารถแสดงเพลงยุทธ์ขั้นวิญญาณออกมาได้อยู่ดี ”
เวลาที่ใช้ในการฝึกเพลงยุทธ์กับการฝึกพลัง จำเป็นต้องจัดการอย่างเหมาะสม
ถ้าหากหนักไปทางการฝึกเพลงยุทธ์ แล้วละเลยการฝึกพลัง จะทำให้การฝึกฝนขั้นพลังช้าลง
หากหนักไปทางการฝึกพลัง ละเลยเพลงยุทธ์ ตอนที่ต้องปะทะกับคนอื่น ก็อาจจะเสียเปรียบได้
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม การฝึกฝ่ามือมังกรคชสารกระบวนท่าที่ 1 สำเร็จ 800 ปีหลังจากนี้ ก็นับได้ว่าเป็นความสามารถขั้นแรกในการปกป้องตัวเอง
9 วันนี้ จางลั่วเฉินก้าวหน้าไปมาก ลมปราณในบ่อกักเก็บเขาก็ฝึกลมปราณจนเต็มแล้ว สามารถทะลวงชีพจรจุดที่สองได้แล้ว
แต่ว่าถ้าจะทะลวงจุดชีพจร จำเป็นจะต้องใช้น้ำล้างกระดูก แต่ฮองเฮากลับให้น้ำล้างกระดูกมาแค่ชุดเดียว และตอนที่ทะลวงจุดชีพจรจุดแรกก็ใช้ไปแล้วเสียด้วย
ต้องทำยังไงถึงจะได้น้ำล้างกระดูกชุดที่สอง หรือมากกว่านี้มา
“องค์ชายเก้า พระสนมกำลังหาองค์ชายอยู่ พระองค์มาทำอะไรตรงนี้”อวินเอ๋อร์ สาวใช้มองจางลั่วเฉินที่ยืนอยู่กลางลาน แล้วเดินเข้ามาอย่างสงสัย
อวินเอ๋อร์คือสาวใช้คนเดียวของสนมหลินและจางลั่วเฉิน อายุประมาณ 17 หรือ 18 ปี หน้าตาสวยงาม ดวงตาเป็นประกาย คางเรียวยาว
จางลั่วเฉินเดินมาข้างหน้าอวินเอ๋อร์ บังสายตาของอวินเอ๋อร์ ไม่ให้มองเห็นรอยฝ่ามือสองรอยบนก้อนหินใหญ่หนักประมาณ 1000 ชั่งก้อนนั้น แล้วกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า
“พี่อวิน แผลบนแขนพี่หายดีขึ้นบ้างมั๊ย”
อวินเอ๋อร์ส่ายหัวเบาๆ แล้วกล่าวว่า“บาดเจ็บที่กระดูกและเส้นเอ็นต้องใช้เวลา 100 วัน เกรงว่ายังต้องรออีก 3 เดือนแผลถึงจะหายดี”
แผลที่แขนของนาง คือที่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ถูกองค์ชายแปดผลักออกไปแล้วล้มลงกระดูกหัก สำหรับนางที่เป็นข้ารับใช้แล้ว อย่าพูดเลยว่ากระดูกหัก ถึงแม้องค์ชายแปดจะตีนางจนตาย องค์ชายแปดก็ไม่ได้มีความผิดอะไร
ในโลกที่เคารพผู้แข็งแกร่ง ผู้ที่อ่อนแอไม่ได้มีฐานะอะไร
จางลั่วเฉินกล่าวถาม“ทำไมไม่ซื้อยาเชื่อมกระดูกสักชุดละ”
อวินเอ๋อร์ทนต่อความเจ็บที่แขน ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยแล้วกล่าวว่า “ยาเชื่อมกระดูกที่ระดับต่ำสุดก็ต้องใช้เงินถึง 200 เหรียญเงินถึงจะซื้อได้ อย่างข้าที่เป็นคนชั้นล่าง ไม่มีทางที่จะใช้ได้เลย องค์ชายเก้า ที่ท่านเป็นห่วงข้ารับใช้อย่างข้าอย่างนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว รีบตามข้าไปพบสนมหลินเร็ว วันนี้ พวกเราจะออกนอกวัง”
จางลั่วเฉินเดินตามหลังอวินเอ๋อร์ ถามอย่างแปลกใจว่า “ออกนอกวังอย่างนั้นหรอ ไปที่ไหนกัน ”
“ไปพบหนิ่งซาน! ไม่ได้เจอนางนานมากแล้ว ท่านต้องดีใจแน่ ๆ ” ใบหน้าของอวินเอ๋อร์มีรอยยิ้มอย่างสดใส แล้วจ้องมองมาที่จางลั่วเฉิน
ทุกครั้งที่พูดถึง“หนิ่งซาน” เขาจะต้องหน้าแดงหูแดงขึ้นมา เขินอายเหมือนกับผู้หญิง
“หนิ่งซานคือใคร ” ประโยคนี้คือประโยคที่เมื่อกี้จางลั่วเฉินอยากจะถามออกมา แต่กับต้องกลืนลงคอไป
แน่นอนว่า จางลั่วเฉินที่ป่วยตายไป ต้องรู้จักหญิงสาวที่ชื่อว่า “หนิ่งซาน” อย่างแน่นอน แล้วยังน้ำเสียงของอวินเอ๋อร์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาออาจจะไม่ธรรมดาอีกด้วย
ถ้าหากว่าจางลั่วเฉินพูดออกมาว่า “หนิ่งซานคือใคร”จะต้องถูกสงสัยเป็นแน่ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เงียบ ๆ เอาไว้ ยิ่งพูดน้อยยิ่งดีกว่า
โชคดีที่หลายปีนี้ ร่างกายของจางลั่วเฉินนั้นอ่อนแอและป่วยมาโดยตลอด นอกจากสนมหลินที่คอยดูแลเขาแล้ว เขาก็พบกับคนอื่นน้อยมาก ถ้าไม่อย่างนั้น คงโดนคนอื่นสงสัยไปนานแล้ว
อวินเอ๋อร์เห็นจางลั่วเฉินแสดงท่าทีนิ่งเฉย ก็เกิดสงสัยขั้นมา แต่ก็ไม่ได้คิดมาก พวกเขาเดินต่อไปยังห้องที่สนมหลินพักอยู่