วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล

ตอนที่ 8 เมืองอู่ 

เข้าไปในเมืองอู่ จางลั่วเฉินเดินตรงเข้าไปที่ตลาดศูนย์กลางค้าขาย 

เพลงยุทธขั้นวิญญาณระดับต่ำ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อค้าธรรมดาพวกนั้นจะซื้อไหว มีแต่ต้องเอาไปขายที่ตลาดศูนย์กลางค้าขาย แล้วขายให้กับพวกตระกูลใหญ่ ๆ ถึงจะทำให้เพลงยุทธ์นั้นมีค่ามากที่สุด

จางลั่วเฉินที่พึ่งจะเดินเข้ามาถึงตลาดศูนย์กลางค้าขาย ก็มีสาวใช้ที่มีหน้าตาสวยงามแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยเดินเข้ามาต้อนรับ นางเห็นจางลั่วเฉินแต่งตัวลึกลับ แต่กลับไม่ได้แสดงออกถึงความประหลาดใจแม้แต่น้อย นางกล่าวอย่างมีมารยาทว่า“นายท่าน มีอะไรให้ข้าช่วยได้บ้าง”

“ข้าต้องการพบผู้ที่ดูแลที่ตลาดศูนย์กลางค้าขายนี้” จางลั่วเฉินแอบเปลี่ยนเสียงของตัวเองเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างมาก ฟังดูแล้วเหมือนกับวัยกลางคน อายุราวๆ 30 หรือ 40 ปี

เขาเป็นใครกัน คำพูดแรกที่กล่าวออกมาถึงได้กล่าวว่าอยากพบผู้ที่ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขาย คนๆนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่

“ข้าจะไปแจ้งกับผู้ดูแลลาดศูนย์กลางค้าขายให้ แต่ว่าปกติผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขายจะยุ่งมาก ต้องคอยต้อนรับแขกสูงศักดิ์ทั้งหลาย ไม่แน่ว่าจะมีเวลาออกมาพบท่านได้ ท่านรอสักครู่!”

พอพูดจบ สาวใช้นางนั้นก็รีบเดินเดินไปยังประตูใหญ่ เพื่อไปแจ้งกับผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขาย

ผ่านไปไม่นาน สาวใช้นางนั้นก็เดินนำชายชราผู้ที่สวมชุดคลุมหรูหรารูปร่างท้วมเข้ามา นางชี้มาทางจางลั่วเฉินแล้วกล่าวว่า “ผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขายเจ้าคะ คือคนคนนั้น”

ผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขายปรายตามองมาทางจางลั่วเฉินในชุดคลุมสีดำจากไกลๆ ดวงตาไปหยุดจ้องที่เท้าของจางลั่วเฉิน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตามีประกายคมกล้าชั่วพริบตาก็สังเกตเห็น…. !

รองเท้าที่จางลั่วเฉินสวม มีชื่อว่า “รองเท้ากิเลนเลื่อมทอง” ซึ่งเป็นรองเท้าที่มีเฉพาะคนในวังเท่านั้นถึงจะสามารถใส่ได้

จางลั่วเฉินจงใจโผล่เท้าออกมา เพราะยังไงสิ่งที่เขาต้องการขายก็คือเพลงยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับต่ำ ยากที่จะไม่ถูกคนจ้องมอง จากระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ ยังไงก็ไม่สามารถคุ้มครองเพลงยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับต่ำไว้ได้

แต่ถ้าหากให้คนอื่นรู้ว่า เขาเป็นคนใหญ่คนโตจากในวัง คนที่คอยจ้องเขาอยู่ ก็จะเหลือเพียงแค่ไม่กี่คน

ตอนนี้ความสามารถของเขายังไม่แข็งแกร่งพอ เขาจึงต้องแสร้งทำเป็นว่าตัวเองมีความสามารถมาก ถึงจะทำได้แค่ขู่คนอื่น แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น

“เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดา!”

ผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขายพอเห็นรองเท้าของจางลั่วเฉิน ในใจก็คิดคำ ๆ นี้ขึ้นมาทันที !

ท่าทางของผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขายที่มีต่อจางลั่วเฉินเปลี่ยนเป็นนอบน้อมขึ้นมาทันที เขาคิดว่าจางลั่วเฉินเป็นคนใหญ่คนโตจากในวัง เขาเดินไปที่จางลั่วเฉินกดเสียงต่ำแล้วกล่าวว่า “นายท่าน เชิญทางนี้!”

“อืม!”

เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความยำเกรง จางลั่วเฉินไขว้มือไปด้านหลัง แสดงออกถึงความใจกว้าง แล้วพยักหน้าเบาๆ

จอมยุทธ์ทั้งหลายที่อยู่ในห้องโถง เห็นเขาแสดงท่าทีต่อผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขาย ในใจล้วนเดาได้ว่า ผู้นี้ที่มาตลาดศูนย์กลางค้าขายคงเป็นบุคคลที่มีที่มาไม่ธรรมดาเป็นแน่

ขึ้นไปถึงตลาดศูนย์กลางค้าขายชั้นที่สาม จางลั่วเฉินนั่งอย่างสงบนิ่งด้านบน แล้วรับถ้วยชาที่สาวใช้ส่งให้ จางลั่วเฉินใช้คำพูดแบบผู้ที่มียศสูงพลางกล่าวว่า “ข้ามีของล้ำค่าอย่างหนึ่ง อยากจะขายให้กับตลาดศูนย์กลางการค้า เจ้าไปเรียกผู้ตรวจสอบระดับสูงสุดของเจ้ามาตรวจสอบให้ข้าสักหน่อย”

ผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าขายเห็นท่าทีของจางลั่วเฉินยิ่งแน่ใจว่าต้องเป็นคนที่มาจากในวังอย่างแน่นอน เขาให้คนไปเชิญผู้ตรวจสอบมาทันที

จากนั้นไม่นานมีชายชราผมขาวโพลนคนหนึ่งเดินเข้ามา

ชายชราดู ๆ ไปแล้วอายุประมาณ 70 ปี แต่ดวงตากลับเป็นประกายแวววาว เขามองมาที่จางลั่วเฉิน กลับพบว่าตัวเองมองไม่เห็นความสามารถของอีกฝ่าย ภายในใจอดที่จะตกใจไม่ได้ !

ชายชราแสดงความเคารพต่อจางลั่วเฉิน “ผู้ชราคนนี้คือผู้ตรวจสอบชั้นหนึ่งของตลาดศูนย์กลางค้าขาย ไม่ทราบว่าของที่นายท่านอยากจะขายอยู่ที่ไหน ? ”

ถ้ามองไม่เห็นความสามารถของอีกฝ่าย มีแค่ 3 ประเภท ประเภทแรกคือ ความสามารถของอีกฝ่ายสูงกว่าตนเอง

ประเภทที่สอง คัมภีร์ฝึกฝนที่อีกฝ่ายฝึก มีระดับสูงกว่าการฝึกฝนของตัวเอง

อย่างเช่น จอมยุทธ์คนที่ฝึกฝนคัมภีร์ระดับปุถุชน ปกติแล้วจะไม่สามารมองความสามารถของจอมยุทธ์คนที่ฝึกฝนคัมภีร์ขั้นวิญญาณได้ จะทำได้แค่ดูกลิ่นอายพลังที่อีกฝ่ายแสดงออกมา แล้วคาดเดาเอาเท่านั้น

และแน่นอนว่า ต้องเป็นระดับของคัมภีร์ที่ใช้ฝึกฝนห่างกันไม่มากเท่านั้น ผู้ที่ฝึกฝนได้ในระดับสูงยังไงก็ยังสามารถมองแนวทางความสามารถของผู้ที่ฝึกฝนในระดับต่ำได้

ประเภทที่สาม บนร่างกายของอีกฝ่ายมีของวิเศษปิดบังความสามารถ

ประเภทแรกกับประเภทที่สองพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก ดังนั้นชายชราจึงคิดว่าเป็นเพราะประเภทแรก คิดว่าเป็นเพราะความสามารถของจางลั่วเฉินนั้นสูงกว่าตนเอง ถึงได้คารวะแสดงความเคารพต่อจางลั่วเฉิน

คัมภีร์ฝึกฝนของจางลั่วเฉินนั้นคือเก้าวิถีจักรพรรดิ์หมิง นั่นเป็นคัมภีร์ฝึกฝนระดับสูงขนาดไหน ? ต้องให้เขาจะจงใจแสดงจุดชีพจรของตัวเองออกมาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นทั้งประเทศอวินอู่จวินคงจะมีไม่มีคนที่มองความสามารถของเขาออกได้ !

และชิวิตที่แล้วของจางลั่วเฉินเดิมทีเป็นผู้ที่แข็งแกร่งขั้นเทพระดับสูงสุด ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดใหม่ในร่างของคนธรรมดา แต่ว่าความเข้าใจในเรื่องวรยุทธ์กับเรื่องสติสมาธิที่มาพร้อมกับวิญญาณนั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรกับผู้แข็งแกร่งขั้นเทพระดับสูงสุดเลยแม้แต่น้อย !

และการที่จะมองความสามารถของเขาออกนั้น มีเพียงวิธีเดียวคือระดับวรยุทธ์ของอีกฝ่ายจะสูงกว่าขั้นเทพระดับสูงสุด !

จางลั่วเฉินยื่นมือเข้าไปในเสื้อ แล้วลูบไปบนหินผลึกมิติ ฝ่ามือล้วงเข้าไปในหินผลึกมิติ แล้วหยิบเอาเพลงดาบเทียนซินที่คัดลอกเสร็จแล้วออกมา ส่งให้กับชายชราผมขาว

“ที่ข้าต้องการขายก็คือ ม้วนเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำอันนี้”จางลั่วเฉินกล่าวนิ่งๆ

ชายชราที่เพิ่งจะรับเอาม้วนกระดาษ “เพลงดาบเทียนซิน” มา นั้นเมื่อได้ยินคำพูดของจางลั่วเฉิน เขารู้สึกตกใจไม่น้อย ที่แท้สิ่งที่อยากขายคือเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำ!

ชายชรารีบเปิดม้วนกระดาษที่ผูกไว้ด้วยกันออกมา แล้วตรวจสอบดูอย่างละเอียด

ผู้ดูแลตลาดศูนย์กลางค้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้นก็รีบเดินเข้าไปตรวจสอบดูเคล็ดลับ

“เพลงดาบเทียนซิน”
 ชายชราและผู้ดูแลตลาดพวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกฝนระดับสูง ไม่นานก็รู้ผล แล้วพยักหน้า

“เป็นเคล็ดลับและกระบวนท่าขั้นวิญญาณระดับต่ำจริง ๆ ด้วยไม่ทราบว่านายท่านยังมีกระบวนท่าอีกมากน้อยแค่ไหน” ผู้ดูแลตลาดกล่าวถามขึ้น

เคล็ดลับและกระบวนท่าเมื่อมารวมอยู่ด้วยกัน ถึงจะสามารถแสดงอานุภาพของเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำออกมาได้

ถึงแม้ว่าชายชรากับผู้ดูแลตลาดจำเคล็ดลับได้ แต่ถ้าหากไม่ได้นำมาใช้ร่วมกันกับกระบวนท่า เคล็ดลับที่จำไว้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร

จางลั่วเฉินกล่าวขึ้น“กระบวนท่าทั้งหมดมี 12 กระบวนท่า ส่วนเพลงดาบของเดิมนั้นได้หายไปแล้ว “เพลงดาบเทียนซิน”ที่ข้าครอบครองอยู่นั้นเป็นของที่ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพระดับสุดยอดท่านหนึ่งลงมือวาดภาพกระบวนท่าเหล่านี้ด้วยตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับของเดิมแม้แต่น้อย”

ชายชราครุ่นคิดอยู่ชั่วระยะ แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ตั้งราคาขาย‘เพลงดาบเทียนซิน’ไว้ที่ 2 แสนเหรียญเงิน แต่ว่ามีข้อแม้ว่า เมื่อค้าขายกันสำเร็จ แล้วผู้ที่ซื้อเคล็ดลับและกระบวนท่า‘เพลงดาบเทียนซิน’ไปตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่เพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำล่ะก็ จะไม่ถือว่าค้าขายสำเร็จ  ”

จางลั่วเฉินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฏของตลาด!”

การขายเพลงดาบเทียนซินคือค่ำคืนวันนี้ ถือได้ว่าเป็นของหลักในการขายในตลาดสินค้าชั้นกลางคืน

ก่อนที่จะเริ่มการขาย ตลาดศูนย์การค้าขายก็รีบแพร่ข่าวออกไปให้กับตระกูลใหญ่ ๆ ทั้งหลายในเมืองหวาง !

บุคคลสำคัญในตระกูลต่าง ๆ ก็รีบนำเงินมหาศาลไปที่เมืองอู่ ด้วยความอยากที่จะซื้อเพลงดาบขั้นวิญญาณระดับต่ำนั้นกลับไป

จางลั่วเฉินไม่ได้สนใจวิธีการขายแต่อย่างได้ เขาสนใจเพียงแค่ผลในการขายเท่านั้น

ผ่านไปสองชั่วยาม การขายก็เสร็จสิ้น ผลของการขายเองก็ออกมาแล้ว

เพราะการแย่งชิงของบรรดาตระกูลใหญ่ ๆ ราคาของเพลงดาบเทียนซินนั้นจึงสูงขึ้นไปถึง 124 ล้านเหรียญเงิน สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของผู้นำตระกูลหลิน  

“ที่แท้คือตระกูลหลิน!”ตอนที่จางลัวเฉินได้ยินผลลัพธ์ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ผ่านไปไม่นาน ภายใต้การนำทางของผู้ดูแลตลาด ผู้นำตระกูลหลิน หลินเฟิ่งเซียน และสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลหลิน หลินเต๋อ และยังมีสาวงาม 1 ใน 4 ของประเทศอวินอู่จวิน หลินหนิ่งซาน ก็ได้ก้าวเข้ามาจากด้านนอก

“ท่านผู้นำหลิน นี่คือเจ้าของเพลงดาบเทียนซิน” ผู้ดูแลตลาดกล่าขึ้นด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอบยิ้ม แล้วชี้ไปที่จางลั่วเฉินที่นั่งอยู่ดานบน 

สายตาของหลินเฟิ่งเซียนหยุดมองไปที่ “รองเท้ากิเลนเลื่อมทอง” เขามองเท้าของจางลั่วเฉินชั้วระยะหนึ่ง แล้วพยักหน้าเบา ๆ แล้วโค้งตัวเคารพพลางกล่าวว่า “ข้าน้อยผู้นำตระกูลหลิน หลินเฟิ่งเซียน ไม่ทราบว่านายท่านมีนามว่าอะไร ”

ก่อนที่ำวกเขาจะเข้า หลินเฟิ่งเซียนก็ได้ฟังคำพูดที่ผู้ดูแลตลาดพูดถึงคนลึกลับผู้นี้มาก่อนแล้ว เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีที่มาไม่ธรรมดา อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตในวัง !

ดังนั้นเมื่อ หลินเฟิ่งเซียนเดินเข้ามา เขาก็รีบลดท่าทีผู้นำตระกูลหลินลงทันที

เมื่อเห็นหลินเฟิ่งเซียนกับหลินหนิ่งซาน จางลั่วเฉินก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายจำได้

จางลั่วเฉินไอสองครั้ง กดน้ำเสียงลงต่ำ “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของข้า นี่คือเคล็ดลับและกระบวนท่าของ‘เพลงดาบเทียนซิน’ผู้นำหลินท่านลองเอาไปตรวจสอบดู!”

ระหว่างพูด จางลั่วเฉินก็นำเคล็ดลับและกระบวนท่าดาบออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะ

หลินเฟิ่งเซียนไม่ได้หยิบเคล็ดลับและกระบวนท่าของเพลงดาบเทียนซินขึ้นมาตรวจ เขาเชื่อว่า ก่อนที่ผู้ดูแลตลาดจะขายสินค้า คงตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว

เขาเปิดกระบวนท่าเพลงดาบเทียนซินออกมาดู เห็นบนกระดาษสลักภาพกระบวนท่าอยู่ 12 กระบวนท่า

ถ้าหากเป็นคนธรรมดาเห็นกระบวนท่าทั้ง 12 กระบวนท่านี้เข้า จะมองไม่ออกเลยว่ามันพิเศษยังไง แต่ตอนที่สายตาของหลินเฟิ่งเซียนมองไปที่แผ่นกระดาษนั้น ภาพกระบวนท่าทั้ง 12 กระบวนท่านั้นก็ขยับราวกับมีชีวิตขึ้นมา ! แล้วยืนรำเพลงดาบบนกระดาษ !

ทุก ๆ กระบวนท่าล้วนประณีตเป็นหนึ่งไม่มีสอง ทั้งระดับขั้นของวิธีการต่อสู้ที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะเรียนได้แค่หนึ่งในกระบวนท่าของทั้งหมด ก็ถือได้กำไรมากแล้ว

“เพลงดาบชุดนี้ถ้าเทียบกับเพลงยุทธ์อื่นที่อยู่ในระดับขั้นวิญญาณระดับต่ำด้วยกัน ก็คงถูกจัดอยู่ในระดับสูงมาก นี่นับว่าคุ้มค่ามาก!”ในใจของหลินเฟิ่งเซียนตื่นเต้นอย่างไม่มีอะไรจะเทียบได้